ดวงจันทร์ สายน้ำ ความเวิ้งว้าง และเสียงคำรามจากพงไพร
เรื่องราวของการมาออบหลวงไม่ได้จบแค่การมาถ่ายรูปที่ผาจูบกัน ผมเผลอหลับไปช่วงหัวค่ำหลังจากทานข้าวก้นบาตรที่ขอหลวงพ่อวัดป่านิสโก วัดที่ครอบครัวผมได้ไปสร้างพระถวาย ก่อนออกเดินทางจากวัด หลวงพ่อได้เมตตาให้ข้าวปลา อาหารที่ได้รับบิณฑบาตรมา ผมกับสหายไม่รอช้าจัดอาหาร ขนม เครื่องดื่มส่วนหนึ่งโหลดใส่กล่องสัมพาระมาพอสมควร เสมือนว่าเรากำลังออกเดินทางไปยังถิ่นทุรกันดารที่หาซื้อของกินแทบไม่ได้ และแน่นอนว่ามื้อค่ำของวันนี้คืออาหารรสเลิศทั้งนั้น
วกกลับมาที่ผมงีบหลับไปพร้อมกับฝันหวานและผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในช่วงที่ดึกสงัด ของค่ำคืนที่ปราศจากดวงดาวเพราะ ค่ำคืนนี้พระจันทร์สวยงามมาก
ผมมีเพียงเสื้อกันหนาวที่ไม่ได้หนามาก มีถุงนอนพอห่มร่างไม่ให้หนาวสั่นเมื่อมุดออกจากเต้นท์เพื่อชมจันทร์ ค่ำคืนที่ผมควรมีใครสักคนข้างกายเพื่อให้คืนนี้ผมไม่ต้องนอนหนาวเหน็บอยู่คนเดียว ผมเหลือบมองไปที่เต้นท์ข้างๆ หวังใจว่าเพื่อนสนิทของผมจะโผล่หัวออกมาทักทายกันบ้าง … แต่ผมก็ทำได้แค่เพียงถอนใจให้กับเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วคุ้งน้ำที่ดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย ผมมุดกลับไปที่เต้นท์ของตัวเองและแน่นอนผมขอสู้ตายด้วยการส่งเสียงคำรามกลับไปเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าเต้นท์อื่นๆเค้าจะคิดยังไงกับผมและเพื่อนของผมนะ เค้าจะนอนได้ไหม เค้าจะอยากกรีดร้องด้วยความรำคาญไหม ผมได้แต่ปลอบนักเดินทางเหล่านั้นในใจว่า “เอาน่าเดี๋ยวมันก็เช้าแล้ว อดทนกันอีกนิดนะ”
เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นกาแฟซองที่เราขอมาจากหลวงพ่อ เพื่อนผมนำมาชงใส่แก้ว พร้อมกับขนมขบเคี้ยวที่เราก็ขอมาอีกเช่นกัน ผมซดกาแฟพร้อมกับมองออกไปที่สายน้ำนั้น นี่มันคือความรู้สึกเหมือนคู่สามีภรรยาที่ตื่นมาในตอนเช้าพร้อมกับมีอาหารมาเสิร์ฟถึงบนเตียง ผมปัดความคิดแบบนี้ออกไปแทบไม่ทัน
ผมตั้งใจว่าวันนี้ผมจะไปเก็บภาพสวยๆด้วยโดรน ที่สวนสนบ่อแก้วซึ่งห่างจาก ออบหลวงไปไม่ไกล ผมใช้เวลาช่วงเช้าที่ออบหลวงแค่เพียงเก็บเต้นท์ อาบน้ำ แล้วถ่ายภาพจุดที่ผมชอบไว้นิดหน่อยก่อนจะบึ่งรถออกไปเพราะ วันนี้เราต้องกลับเมืองหลวงกันแล้ว
“สวนสนบ่อแก้ว” คือที่ไหน คืออะไร ขอเล่าแบบมีสาระนิดนึง
ชื่อเต็ม : สถานีทดลองปลูกพันธุ์ไม้บ่อแก้ว
สถานที่ตั้ง : อำเภออฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ถนนสายฮอด – แม่สะเรียง
ประวัติความเป็นมา : เป็นพื้นที่ทดลองปลูกสนภูเขาชนิดต่างๆ ที่กรมอุทยานแห่งชาตินำพันธุ์มาจากต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และ ไต้หวัน เพื่อหาพันธุ์ที่เหมาะสมมาปลูกในป่าเสื่อมโทรมบนยอดดอยทางภาคเหนือ สนที่ปลูกในช่วงปี 2509-2510 อายุราวๆ 40-50 ปี เรียงรายเป็นระเบียบบนลานโล่งเตียน ทอดยาว สวยงาม
อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในโครงการสำรวจวัตถุดิบเพื่อทำเยื่อกระดาษ บนเนื้อที่ 2072 ไร่
สภาพอากาศ : ชื้นและเย็นตลอดปี เวลาที่เหมาะแก่การมาเยี่ยมชมคือช่วงฤดูหนาวซึ่งจะเห็นเป็นม่านหมอกปกคลุมบริเวณครึ่งบนของลานสน
จุดชมวิวถ่ายภาพ : ป่าสนเรียงราย เป็นทิวที่ทอดยาว โดดเด่น สวยงามสองข้างทาง แฝงด้วยความโรแมนติก จนได้รับฉายาว่า เกาะนามิ เมืองไทย
และแน่นอนว่า เช้าของเดือนมกราคม ช่วงฤดูหนาว ผมกับสหายนกก็ได้มาถึงอีกที่หมายหนึ่งของความตั้งใจในทริปนี้
“สวนสนบ่อแก้ว”
เราใช้เวลาคลุกอยู่ที่นี่กันนานพอสมควร สิ่งที่ผมตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากคือ ช่วงที่แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านทิวสนเป็นระยะ ม่านหมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ เกิดภาพสุดโรแมนติกสมคำร่ำลือจริงๆ ผมเหลียวมองไปที่เพื่อนรักของผมที่มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเซลฟี่ตัวเองอย่างดูดดื่ม ผมก็ได้แต่ถอนใจอีกครั้ง เฮ่อ….ถ้าคนที่มากับผมในวันนี้เป็นคนที่ผมรักคงจะดีไม่น้อย ผมคงไม่เบื่อที่จะวิ่งไล่ตามถ่ายรูปให้เค้าเสมือนภาพที่คุ้นตาในฉากประจำของหนังอินเดีย ที่สาวเจ้าจะวิ่งไปทั่วทุ่งหญ้าบนยอดดอย โผล่หลังต้นไม้ ต้นนั้นที ต้นนี้ที ยั่วยวนใจชายให้หวั่นไหวละเมอไปกับลีลาแบบลิงโล้ด ว่าแต่แม่ชะนี้ตัวน้อยของผมอยู่ที่ไหนส่งเสียงหน่อยเร้วววว
ผมถ่ายภาพมาหลายมุมแต่ที่ผมชอบที่สุดคือภาพของพาหนะคู่ใจในช่วงที่มีแดดทอแสงลงมาแบบระยิบระยับนี่เองมั้งที่เรียกว่า สวรรค์ของนักเดินทาง ภาพที่ไม่เคยเหมือนเดิม ภาพที่เรากำหนด เราสั่งไม่ได้ เราได้แต่รอให้ธรรมชาติจัดสรรค์ ท่วงท่า ลีลา และเฉิดฉายให้เราได้ชื่นชมตามแต่ธรรมชาติจะเมตตา
“สวนสนบ่อแก้ว” จุดหมายปลายทางที่ทำให้ผมคร่ำครวญ ถวิลหาจนถึงเดี๋ยวนี้ว่าวันหนึ่งผมจะพาใครซักคนมาแล้ว ทำให้ภาพที่คุ้นตาของหนังอินเดียปรากฎชัดเจน และวันนั้นผมจะรัวชัตเตอร์ถ่ายภาพของแม่สาวน้อยคนนั้นอย่างไม่คิดชีวิตเลยจริงๆ
Ep.หน้าจะพาไปกินของอร่อยริมทางกันและอย่าลืมนะครับว่า
มีแรงก็รีบเที่ยว แก่แล้วไปเที่ยว ได้แค่เยี่ยวแล้วกลับ