ไลฟ์สไตล์แบบเรียบง่ายกำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง

หลายคนคงได้เห็นการใช้ชีวิตของหนุ่มสาวรุ่นใหม่บางคนที่ลดความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือลงในชีวิต หันกลับมาใช้ชีวิตแบบมักน้อยทั้งในด้านแฟชั่นและงานสถาปัตยกรรม MINIMALIST คืออะไรทำไมถึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน หากย้อนกลับไปในยุคทศวรรษที่ 60 จะพบว่าเหล่าบุพผาชนชาวตะวันตกเริ่มก่อหวอดเบื่อหน่ายศิลปะแนว ABSTRACT ART  ที่เน้นสีสันและรายละเอียดแบบฟุ้งเฟ้อ หันกลับมาสู่การนำเสนองานแบบเรียบง่ายตรงไปตรงมา เน้นการดำรงชีวิตแบบ

ไม่ตกแต่งอะไรมากมาย จนกลายเป็นแนวงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ดูเหมือนจะไม่ใส่อะไรไปมากมายในผลงาน

ปัจจุบันนักวิชาการจำนวนหนึ่งได้นิยามสังคมมนุษย์ว่าอยู่ในยุคสังคมแบบ disruption การสื่อสารและคมนนาคมเป็นแบบฉับไวสะดวกสบาย ผู้คนสามารถสื่อสารและส่งข้อมูลกันได้ที่ละมากๆ จนเรากำลังจะก้าวเข้าไปสู่การส่งถ่ายข้อมูลกันในระดับ 5G ในอีกไม่กี่ปีนี้ เมื่อพิจารณาดูแล้วดูเหมือนว่าเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ความสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างไรก็ตามสำหรับบางคนบางกลุ่มแล้วพวกเขากลับรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้มันมีความเยอะมากเกินไป มากมายเกินเหมือนกับกำลังพันธนาการชีวิตพวกเขาให้กลายเป็นทาสของการใช้ชีวิตแบบบริโภคนิยม ในแต่ละวันพวกเขารู้สึกไม่มีความสุขที่จะต้องดิ้นรนตื่นแต่เช้าไปทำงานและเดินทางกลับบ้านแบบเบียดเสียดในระบบขนส่งสาธารณะ การดิ้นรนขวนขวายดังกล่าวนี้เพื่อมีทรัพย์สินที่สะดวกสบาย เช่น ผ่อนบ้านหลังใหญ่และรถยนต์คันใหม่ที่ทันสมัยขึ้น ชีวิตจึงเหมือนติดกับดักให้ต้องทำงานเพื่อให้ได้ค่าจ้างมาจ่ายเพื่อบริโภคสิ่งของต่างๆจนฟุ่มเฟือยและรกเต็มบ้าน minimalist lifestyle จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกและประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินชีวิตแบบพอเพียงที่กล่าวมานี้ สำหรับสังคมไทยแล้วการใช้ชีวิตสมถะเรียบง่ายนี้มีอยู่ในหลักคำสอนของพุทธศาสนามากว่า 2500 ปีแล้ว ในหลายๆหลักคำสอนและที่โดดเด่นคือหลักการว่าด้วยเรื่องการใช้ชีวิตแบบมักน้อยในแนวสัปปายะวิถี ที่มุ่งเน้นการดำรงชีวิตและปรับแต่งสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการกินอยู่ที่สะดวกสบายและปลอดภัย มีรายละเอียดปรากฎไว้ 7 ประการคือ

1.อาวาสสัปปายะ การปรับแต่งที่อยู่อาศัยให้มั่นคงสะอาดและสะดวกสบาย ไม่มีสิ่งของมากมายจนทำให้การใช้ชีวิตประจำวันยุ่งเหยิงวุ่นวาย โดยเฉพาะเน้นการปรับแต่งที่อยู่อาศัยให้ผู้อยู่รู้สึกสบายให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้พระธรรมได้อย่างง่ายดาย

2.โคจรสัปปายะ ให้พิจารณาทางเดินในบ้านให้มีเอื้อต่อการเดินที่สะดวกรวดเร็วและปลอดภัย ไม่วางสิ่งของเกะกะจนเดินในบ้านแล้วอาจไม่สะดวกหรือเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บโดยง่าย นอกจากนี้ควรพิจารณาวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่อื่นๆ เช่น เพื่อนบ้าน โรงพยบาล วัด ให้มีความสะดวกเช่นกัน

1. โภชนสัปปายะ รัปประทานอาหารและเรื่องดื่มที่ปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกาย รวมทั้งจัดเตรียมอาหารการกินให้มีปริมาณและคุณภาพที่เพียงพอต่อความต้องการของสมาชิกครอบครัว มีความมั่นคงด้านอาหาร ไม่ให้ขาดแคลนหรือส่งผลเป็นพิษและก่อให้เกิดโรต่างๆ นอกจากนี้ควรพิจารณาการกินอาหารไม่ให้อิ่มจนเกินไปหรือไม่ให้ขาดแคลนอดอยากจนเกินไป

4. ภัสสสัปปายะ การพูดคุยหรือสื่อสารแต่เนื้อหาดีๆ ให้ผู้รับการสื่อสารรู้สึกแต่สิ่งดีๆที่สบายใจ โดยเฉพาะการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องธรรมะและการช่วยเหลือกันทางสังคมและชุมชน ในปัจจุบันอาจครอบถึงการโพสต์และนำเสนอสื่อต่างๆในโซเซียลมีเดียแต่สิ่งดีๆไม่ให้เกิดเรื่องร้ายต่อผู้ใด

5.บุคคลสัปปายะ ให้เลือกคบหาแต่คนที่ดีๆไม่ชักชวนพาเราไปเจอแต่เรื่องเลวร้ายไม่ดี รู้จักรักษาและถนอนน้ำใจความสัมพันธ์กับคนที่ดีๆไว้ การรู้จักและคบหาคนดีๆนี้จะสร้างกลุ่มชุมชนและสังคมที่ดีงานเกิดขึ้น ช่วยให้เราดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัยและสงบสุข

6.อุตุสัปปายะ ปรับปรุงสถานที่อยู่อาศัยให้มีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีมลพิษต่อร่างกายเราและสมาชิกในครัวเรือน ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป นอกจากนี้ยังหมายถึงการสร้างบรรยากาศของที่อยู่อาศัยให้ร่มรื่นสวยงาม ผู้อาศัยรู้สึกชื่นบานสบายใจ

7.อริยาบทสัปปายะ วางอริยาบทการเดินการนั่งให้เหมาะสมไม่นั่งในท่าทางเดิมๆซ้ำจนเจ็บป่วยด้วยกล้ามเนื้อผิดปกติ นอกจากนี้ยังหมายถึงให้ออกกำลังกายดูและร่างกายให้แข็งแรงสมบุรณ์อยู่เสมอ นอกจากนี้ควรเน้นที่การฝึกฝนตัวเองให้อยู่อย่างสันโดษเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

โดยสรุปแล้วแนวคิดสัปปายะวิถีคือแนวคิดการครองชีพแบบสันโดษมักน้อย เน้นความสะดวกสบายและให้เป็นคนที่กินง่ายอยู่ง่าย รู้เท่าทันไม่ลุ่มหลงต่อสิ่งยั่วยวนต่างๆจนต้องสูญเสียอิสระภาพ ติดกับดักการบริโภคนิยมจนกลายเป็นทาสแห่งความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟื้อย เป็นการดำรงชีวิตแบบ minimalist แบบไทยๆและแบบตะวันออกที่ฝังรากลึกในสังคมวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน

เรียบเรียงโดย Adisorn Sunthararuk